‘ทำไม?ต้องใช้ระบบยืนยันตัวตน’

ทำไม?ต้องใช้ระบบยืนยันตัวตน

ทำไมต้องใช้ระบบยืนยันตัวตน (Authentication)

ด้วย  พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550  มีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2550 ที่ผ่านมา โดยมีเจตนารมณ์เพื่อกำหนดฐานความผิด บทลงโทษ และอำนาจหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งมีความรู้และความเชี่ยวชาญในการสืบสวนสอบสวนเกี่ยวการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ร่วมกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกำหนดหน้าที่ของผู้ให้บริการ ซึ่งมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ อันจะใช้เป็นพยานหลักฐานที่สำคัญในการนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษการบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้ จึงนับเป็นโครงสร้างพื้นทางกฎหมายที่มีคุณประโยชน์อย่างยิ่ง หากแต่ก็อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินวิถีชีวิตของผู้คนในสังคมได้เช่นกัน ดังนั้น เพื่อให้กฎหมายมีความยืดหยุ่นและสามารถบังคับใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ในกฎหมายฉบับนี้หลายมาตรา จึงได้กำหนดให้มีการตรากฎหมายลำดับรองหรือกฎหมายลูก เพื่อกำหนดรายละเอียดที่มีความสำคัญไว้หลายเรื่องด้วยกัน รวมทั้งเพื่อให้กฎหมายลูกนั้นสามารถปรับปรุงให้ทันสมัยตลอดเวลา ในหนังสือเล่มนี้จึงได้รวมเอาทั้งกฎหมายแม่ และร่างกฎหมายลูก ที่กำลังจะประกาศใช้บังคับเร็ว ๆ นี้ไว้ดัวยกัน เพื่อประโยชน์ในการเผยแพร่สร้างความรู้ความเข้าใจและเตรียมความพร้อมของทุกภาพส่วนในสังคมที่เกี่ยวข้องต่อไป

โดยผู้ใช้งานต้องมี “ชื่อบัญชีผู้ใช้งาน (Username)” และ “รหัสผ่าน (Password)” จึงจะสามารถใช้งานเครือข่ายของโรงพยาบาลได้ และห้ามผู้ใช้งานนำ “ชื่อบัญชีผู้ใช้งาน” และ “รหัสผ่าน” เผยแพร่ให้ผู้อื่นทราบ

ระบบยืนยันตัวตน คืออะไร? มีการทำงานอย่างไร?

Authentication เป็นวิธีการที่ใช้ในการตรวจสอบผู้ที่มาใช้งานระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยระบบจะทำการตรวจสอบจาก username และ password ว่าถูกต้องหรือไม่ จุดประสงค์หลักของ Authentication คือพิสูจน์ตัวบุคคล ว่าคน ๆ นั้นที่เข้าใช้งานระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต คือใคร พร้อมทั้งทำการตรวจสอบสิทธิ์ว่าผู้ใช้งานระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตของท่านนั้นมีสิทธิ์ใช้ได้นานเท่าใดและสามารถ upload หรือ download ได้ด้วยความเร็วเท่าใด ซึ่งระบบจะทำการตัดผู้ใช้ออกไปจากการให้บริการทันทีที่หมดเวลา อีกทั้งยังสามารถกำหนดเวลาและความเร็วได้ตามความเหมาะสมด้วย ต่อจากนั้นจะทำการบันทึกข้อมูลการใช้งานระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
ซึ่งจุดประสงค์หลักของขบวนการนี้เพื่อทำรายงานการใช้ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต จะทำการยืนยันบันทึกข้อมูลในการใช้งานระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตไว้อย่างละเอียดโดยสามารถทำรายงานสรุปและสถิติต่างๆ ได้ตามความต้องการ

 

มีการจำกัดบริการใดบ้าง ?

ในการเข้าใช้งานบริการส่วนใหญ่จะสามารถใช้งานได้ตามปกติยกเว้นบางบริการ ได้แก่
1. การแลกเปลี่ยนข้อมูลแบบ peer 2 peer หรือ Bit torrent ต่าง ๆ เพราะสิ้นเปลืองช่องทางการจราจรทางเครือข่ายมาก
2. การดาวน์โหลดข้อมูลแบบต่อเนื่องโดยใช้โปรแกรมช่วยดาวน์โหลดต่าง ๆ เช่น IDM , IDA , Flashget จะอนุญาตให้ทำการดาวน์โหลดได้ทีละ 1 session ต่อ 1 ไฟล์เท่านั้น ต่อการดาวน์โหลด 1 ไฟล์ โดยเป็นการสิ้นเปลืองช่องทางการจราจรทางเครือข่ายอย่างชัดเจน ซึ่งส่งผลโดยตรงกับผู้ใช้งานโดยรวม
3. ระงับการดาวน์โหลดไฟล์ที่เข้าข่ายอันตรายและเป็นที่แฝงของไวรัสและโปรแกรมไม่ประสงค์ดีต่าง ๆ เช่นไฟล์ประเภท .com , .exe , .scr , .vbs รวมถึง โปรแกรมตระกูล Buidu ทุกโปรแกรม
4. ระงับการเข้าถึงเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสม

 


ผู้ประกาศ : นายศรันยู สรศาสตร์
ตำแหน่ง : นักวิชาการคอมพิวเตอร์
วันที่ประกาศ : 11 ตุลาคม 2560
ผู้ชม 5643 ครั้ง